สงครามประชาชาติปิดล้อมจีน
..
ปัญหาในเรื่องของประชาชาติ หลังจากจักรวรรดินิยมยุคเก่าออกล่าเมืองขึ้นไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ได้มีการแบ่งแยกดินแดนตามอำเภอใจ และจงใจที่จะสร้างปัญหาความขัดแย้งทางประชาชาติให้เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก โดยมิได้คำนึงถึง ชุมชนที่อยู่อาศัยของแต่ละชนชาติ อยู่กันอย่างไรในขณะนั้น เพื่อง่ายต่อการปกครองอาณานิคม เช่นการแบ่งเขตแดนของประเทศต่างๆในทวีปอาฟริกา
เหนือ - อาฟริกาใต้ ด้วยการขีดเส้นตรงแบ่งแยกดินแดนให้กับประเทศต่างๆ ซึ่งต่อมาได้เกิดปัญหาสงครามประชาชาติ ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก
สถานการณ์โลกปัจจุบัน เมื่อสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเศรษฐกิจของตน
สู่สูงสุดของทุนนิยมโลก เนื่องจากตลาดทุนจากทั่วโลกหลั่งไหลสู่ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียและขยายตัวออกไปทั่วโลก สต๊อกทุนจำนวนมหาศาลในแต่ละประเทศ ไม่สามารถนำไปลงทุนได้
เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวถึงขั้นวิกฤติ (ความสัมพันธ์
ระหว่าง Demand – Supply ไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ขณะที่
Supply เหลือล้น Demand กลับหายไป )
เม็ดเงินจากสต๊อกทุนทั่วทุกมุมโลกได้ไหลบ่าทะลักสู่ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา
ปัญหาจากการเติบใหญ่ของทุนในสหรัฐอเมริกา ก็คือการขยายพื้นที่การลงทุน
เพื่อกระจายทุนออกไป ในขอบเขตปริมณฑล ให้กว้างที่สุดเพื่อรองรับการขยายตัวของทุน ที่นับวันจะเติบใหญ่
ปี พ.ศ.๒๕๔๑ ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจกำลังเป็นภัยคุกคามประเทศต่างๆจากทั่วโลก ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา กลับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ดัชนีหุ้น Dow
Jones พุ่งทะยานทะลุ ๑๐,๐๐๐ จุดเป็นครั้งแรก
และสูงสุดกว่า ๑๑,๐๐๐ จุด Nasdaq สูงกว่า ๓,๘๐๐ จุด
สร้างความเลื่อมใสศรัทธางุนงงและไม่เข้าใจต่อเศรษฐกิจอเมริกาที่สวนทาง
กับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อสต๊อกทุนในแต่ละประเทศไม่สามารถนำไปลงทุนภายในประเทศได้ และความเชื่อมั่นในตลาดทุนอเมริกายังคงอยู่ในความรู้สึกที่ดีของนักลุงทุน
ดังนั้นทุนจากทั่วทุกมุมโลกจึงหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดทุนในอเมริกา เมื่อตลาดทุนในอเมริกาไม่ได้เติบโตบนพื้นฐานของความเป็นจริง การเติบทางเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ ของสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะยืนอยู่ได้ไม่นาน
ปี ๒๐๐๑ ปฐมวัยย่างก้าวแรก ของรอบพันปีที่สาม บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอย
ประกาศผลประกอบการกำไรที่ลดลง และการประกาศปลดพนักงาน เช่น เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๓ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ปลดพนักงาน ๑๕,๐๐๐ คน
วันพุธที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๔ ลูเซนต์เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ประกาศปลดพนักงาน ๑๖,๐๐๐ ตำแหน่ง เวิร์ลพูลผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปลดพนักงาน ๖,๐๐๐ คน เอโอแอล ไทม์ วอร์เนอร์ กิจการสื่อยุคใหม่จากการผนวกระหว่างอเมริกา
ออนไลน์ กับ ไทม์ วอร์เนอร์ปลดพนักงาน ๒,๐๐๐ คน
การแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทางและไม่ชัดเจนของตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา
เริ่มที่จะผันผวนและไม่แน่นอน
นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจต่อความเชื่อมั่นตลาดทุนอเมริกา และเมื่อนายคิอิชิ
มิยาซาวา รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวันที่ ๘ มี.ค.๒๕๔๔ ในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา ยอมรับความปราชัยทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรก
หลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นผุกร่อนเป็นปัญหายืดยื้อยาวนานมาร่วม ๑๐ ปี ว่าฐานะการเงินของประเทศ กำลังย่ำแย่เต็มที หรืออาจกล่าวได้ว่า ใกล้จะล้มละลายแล้ว สัปดาห์รุ่งขึ้นหลังการแถลงของมิยาซาวา
ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา นำโดย NASDAQ ล่วงลงกว่า ๓๐%
ตามด้วย Dow Jones, S&P และตลาดทุนทั่วโลก
พังทะลายลงทันที จอร์จ บุช เรียกสถานการณ์นี้ ว่าเป็น World
Stock Crisis
ขณะที่นักลงทุนจากทั่วโลก เกิดความไม่เชื่อมั่นตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ในช่วงของเดือนมีนาคม
๒๕๔๔ ไล่ตั้งแต่ การประกาศจะพัฒนาขีปวุธป้องกันตนเองของสหรัฐอเมริกา การจับตัว มิโลเซวิช อดีตผู้นำ ยูโกสลาเวีย
การต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ที่พัฒนาจากการขว้างก้อนอิฐก้อนดิน
มาเป็นการวางระเบิดและมีการใช้ปืน ความตึงเครียดในเชสเนีย การทำลายพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของกลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน
ได้สร้างแผลลึกในจิตใจของชาวพุทธ ต่อชาวมุสลิม
.
องค์ดาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวธิเบตเยือนใต้หวัน
เรือดำน้ำอเมริกาโผล่ที่เกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
สหรัฐอเมริกาประกาศขายอาวุธแก่ใต้หวัน ปิดท้ายด้วยการยั่วยุจีนด้วยการใช้เครื่องสอดแนมบินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าจีน กระทั่งทำให้จีนต้องใช้เครื่องบินขับไล่สองลำขึ้นบังคับให้เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลงจอดบนเกาะไหหลำ เหตุการณ์ที่เกิดความตึงเครียดดังกล่าวล้วนเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ขณะที่วิกฤตตลาดทุนของสหรัฐอเมริกากำลังเกิดขึ้นพอดี
โดยเบื้องลึกจะเกิดจากการสร้างสถานการณ์โดยสหรัฐอเมริกาหรือไม่ก็ตาม ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน ดัชนีตลาดหุ้นDow Jones ก็ดีด กลับขึ้นมายืนอยู่ในระดับที่สูงกว่าเดือนมกราคม นี้เสียอีก
ทั้งที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยังตกอยู่ในภาวะที่เลวร้าย
สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา – ญี่ปุ่น กำลังจะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจทุนนิยม การเตรียมพร้อมของสหรัฐอเมริกาในการตั้งรับและเปิดแนวรุกต่อสถานการณ์ดังกล่าวมานานกว่า ๒๐ ปี นั่นก็คือการเตรียมพร้อมด้านยุทธศาสตร์“การทำสงครามเลี้ยงเศรษฐกิจ” เนื่องจากสหรัฐอเมริกา
ได้พัฒนาปัจจัยการผลิตสู่ยุค IT ( Information Technology
) ดังนั้น ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
ทางสงครามได้ถูกพัฒนารูปแบบสงครามสู่ยุค IT ขณะที่ รูปแบบยุทธศาสตร์ - ยุทธปัจจัย ของประเทศต่างๆทั่วโลก
ยังคงใช้รูปแบบของสงครามในยุคอุตสาหกรรม (บางประเทศมหาอำนาจอย่าง จีน –รัสเซีย รูปแบบสงครามอาจพัฒนาสู่ยุค IT แล้ว
แต่ยังไม่มีการสาธิต เช่นสหรัฐอเมริกาที่ได้ผ่านการสาธิตแล้วในสงครามอ่าว)
ประเทศจีนหลังจากที่ เติ้ง เซี่ยว ผิง ได้ประกาศนโยบายสี่ทันสมัย
นำประเทศจีนสู่การพัฒนาด้านพลังการผลิต ด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบ ทำให้GDPจีนเติบโตระหว่าง ๘ – ๑๒ % มาโดยตลอด แม้ปัจจุบันที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบกับทุกประเทศ
การเติบโตทางเศรษฐกิจของ จีนก็ยังยืนอยู่ในระดับ ๗ - ๘ %
จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนดังกล่าว ย่อมที่จะไปกระทบและขัดขวางต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา
ในการที่จะแผ่อิทธิพลของสู่การเป็นจักรวรรดินิยมจ้าวโลก ดังนั้นความพยายามในการที่จะทำลายจีนให้อ่อนกำลังลงด้วยการแยกสลายจีนจาก ๘
เขตปกครองตนให้เป็นแปดประเทศเช่นเดียวกับรัสเซีย จึงนับเป็นสุดยอดของยุทธศาสตร์อันจะนำไปสู่ความสำเร็จของการเป็นจักรวรรดินิยมจ้าวโลก
ปัญหาและอุปสรรคสำคัญ ในอันที่จะขัดขวางต่อ ลัทธิครองความเป็นจ้าว
ก็คือประเทศที่ยังแข็งแกร่งเข้มแข็งอยู่ในปัจจุบัน ก็คือ ประเทศ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ที่ยังคงความแข็งแกร่ง
ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม จากความเข้มแข็งดังกล่าวของจีน ใช่ว่า สหรัฐอเมริกา จะมองไม่เห็น
จีนเป็นประเทศที่มีการสั่งสมทางวัฒนธรรม มานานกว่า ๕ พันปี อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
ปรัชญา ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ที่มีประวัติศาสตร์ อันเยาว์วัย เพียง ๒๐๐–๓๐๐ ปี จึงยากต่อการทำลายจีน ด้วยการปะทะทางตรง ตัวอย่างความพยายามของ
สหรัฐอเมริกา ที่จะโจมตีเศรษฐกิจจีน ด้วยความพยายาม ให้ จอร์จช โซรอสซ์ เข้าโจมตีค่าเงินหลายครั้งในฮ่องกง
แต่ก็ต้องปราชัยย่อยยับกลับบ้านเกิดทุกครั้งไป ดังนั้นการ ต่อสู้กับจีนทางตรงกลายเป็นเงื่อนไขที่ยากลำบาก
หากความเป็นเอกภาพทางการเมือง ของรัฐบาลกลางจีนยังคงความเป็นเอกภาพอยู่ สหรัฐอเมริกาจึงพยายามที่จะเคลื่อนไหวทำลายไปสู่บ่วงโซ่ที่อ่อนเปราะที่สุดของจีน เริ่มด้วยการเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มนักเรียนนอก ชูประเด็นเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ
รัฐบาลจีนรู้ทันและติดตามเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
ในที่สุดก็ปิดฉากการต่อสู้ด้วยการล้อมปราบการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาจนเกิดกรณี “ เทียนอันเหมิน” การเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มนักเรียนนอก
ของอเมริกา เพื่อทำลายความเป็นเอกภาพทางการเมืองของจีน กรณี “เทียนอันเหมิน “ ในครั้งนี้จึงนับเป็นความพ่ายอย่างยับเยินของ
อเมริกา
หลังจากความพ่ายอย่างยับเยินของอเมริกา
ในการเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มนักเรียนนอก ในกรณี” เทียนอันเหมิน” สหรัฐอเมริกายังหาได้ลดความพยายาม ลงไม่แต่กลับ หาช่องทางใหม่ในการเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความเป็นเอกภาพทางการเมืองของจีนต่อไป ในที่สุด CIA ก็พบว่า
หากจะเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความเป็นเอกภาพทางการเมืองของจีน อีกครั้ง
จะไม่สามารถใช้การเคลื่อนไหวผ่านนักศึกษาได้อีกต่อไปเนื่องจากแผนการได้ถูกเปิดโปงทำลายลงอย่างสิ้นซากแล้ว มีแต่ต้องดึงเอา กลุ่มมวลชนนิยมรำมวยจีน “ไท้เก็ก” ที่มีเป็นร้อยล้าน มาใช้ในการเคลื่อนไหว และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการปรากฏขึ้นของ
“ลัทธิฝ่าหลุนกง” หลี่ หง จื้อ
ผู้นำลัทธิ“ลัทธิฝ่าหลุนกง” เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อดึงกลุ่มมวลชนนิยมรำมวยจีน
“ไท้เก็ก” เข้ามาเป็นสาวกภายใต้การบงการของ
CIA ด้วยการเปิดสำนักฝึกศิลปะป้องกันตัว กำลังภาย
“ จี้กง “ และในที่สุด หลี่ หง
จื้อ ก็ประสบความสำเร็จสามารถ รวบรวมสาวกได้ถึง ๑๐๐ ล้านคนในเวลาเพียง ๗
ปีขณะที่สมาชิกพรรคคอมมิวนิตส์จีนมีสมาชิกเพียง ๔๐ ล้านคน ระหว่างนั้น หลี่ หง จื้อ ได้ทำการทดสอบพลังมวลชนของฝ่า หลุน กง
หลายครั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด เมื่อ หลี่ หง จื้อ
มั่นใจพลังมวลชนของเขาในระดับหนึ่ง เขาจึงเริ่มทดสอบในระดับชาติ
ด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลจีนครั้งใหญ่ ในปี ค.ศ.๑๙๙๙
รัฐบาลกลางของจีนตัดสินใจล้อมปราบอย่างเฉียบขาด เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามประชาชาติ พร้อมกับการจับกุมแกนนำ “ลัทธิฝ่าหลุนกง” จำนวนหนึ่ง ขณะที่ หลี่ หง จื้อ
ไปโผล่ที่มหานครนิวยอร์ก
ความพยายามของสหรัฐอเมริกาในการก้าวสู่ลัทธิครองความเป็นจ้าว
กับการสกัดกั้นการเติบโตของประเทศย่านแปซิฟิกริม ที่มีจีนเป็นอุปสรรคในการขยาย
อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาอยู่นั้น อเมริกาจึงมีความจำเป็นที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจีนให้ได้ การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา การทำลายเงื่อนไขภายในของจีน กรณี
เทียนอันเหมิน และฝ่าหลุนกง แม้ไม่ประสบความสำเร็จ
ขณะที่การโจมตีเพื่อปิดล้อมทางเศรษฐกิจจากเงื่อนไขภายนอก
สหรัฐอเมริกากลับประสบความสำเร็จ ในการเข้าโจมตีแปซิฟิกริมพ.ศ.๒๕๔๐ ทำให้เศรษฐกิจทั่วเอเชียต้องเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจในทุกประเทศมากน้อยตามศักยภาพของผู้นำในแต่ละประเทศ และส่งผลให้เกิดการอ่อนกำลังลงของประเทศย่านแปซิฟิกริม
อนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่รัฐบาลคลินตัน
แห่งสหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมทุนในเอเชียแล้วการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีค.ศ.๒๐๐๑ ได้เกิดความวุ่นวายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งนี้เนื่องมาจากกลุ่มที่มีอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจการเมืองในสหรัฐต้องการ
-ประธานาธิบดี ที่มีแนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยม
และฝักใฝ่สงคราม ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนประธานาธิบดีคลินตัน
หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมทุน และสามารถทำให้ เศรษฐกิจ
การเมืองในเอเชียอ่อนกำลังลง
การเลือกตั้งสกปรกสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้จบลงด้วย การหลีกทางให้ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน นาย
จอร์จ ดับเบิลยู บุช ในฐานะตัวแทนพรรค ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ต่อจากนาย คลินตัน เพื่อดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อประชาคมโลก ในการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลคลินตันประสบความสำเร็จในการเข้าควบคุมทุนในทั่วทุกปริมณฑลโลก
ยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐ ในการที่จะเข้าควบคุมปกครองประชากรโลกก็คือการหยุดยั้งทำลายการเจริญโตทางเศรษฐกิจ
การเมือง และวันธรรมของจีน ด้วยการกดดันจีนให้อ่อนกำลังลง การสร้างสถานการณ์ “สงครามประชาชาติปิดล้อมจีน “
เพื่อให้สถานการณ์ล้อมรอบประเทศจีนกลายเป็นเขตอันตราย
ห่วงหน้าพะวงหลัง จากเงื่อนไขภายนอกของจีนโดย
ด้านตะวันตกของจีน ที่ไล่ตั้งแต่กบฏเชสเนียในรัสเซีย , ความขัดแย้งของ ปากีสถาน – อินเดีย ในดินแดนแคชเมียร์,ปัญหาความขัดแย้งทางประชาชาติในอัฟกานิสถาน,
ทางตะวันตกเฉียงใต้ ความขัดแย้งของกลุ่มประเทศในอินโดจีน
ทางด้านใต้ของจีนในทะเลแปซิฟิก สงครามประชาชาติในอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์
ด้านตะวันออก ใต้หวัน, เกาหลี , ญี่ปุ่น
การเคลื่อนไหวเพื่อทำลายเงื่อนไขภายใน ความเป็นเอกภาพทางการเมืองของจีน อันได้แก่
การเคลื่อนไหวของกลุ่มลัทธิฝ่าหลุนกง การเคลื่อนไหวขององค์ทะไลลามะจากธิเบต
การประกาศไม่รับรองบิชอพในกานสูที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลกลางของจีน จากสำนักวาติกัน
ล้วนเป็นสัญญานบอกเหตุถึงมหันตภัยร้ายแรง“สงครามประชาชาติ
“ เพิ่อปิดล้อมจีน
ผู้เขียนหวังว่าแนวทางวิเคราะห์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นจริง ปัญหามีอยู่ว่า หากเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจริงได้ ประเทศไทย ประชาชนชาวไทย จะกำหนดท่าทีต่อสถานการณ์ดังกล่าว
เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้น จากการเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางยุทธวิธี ใน“สงครามประชาชาติปิดล้อมจีน“ทางตะวันตกเฉียงใต้จีนได้อย่างไร